ผู้เผยพระวจนะ
ผู้เผยพระวจนะ (Prophets)
ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลหลายพันปี มีผู้เผยพระวจนะหรือผู้ทำนายหรือผู้พยากรณ์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่ก็มีผู้หญิงบ้าง คนเหล่านี้มีหน้าที่รับข่าวสารจากพระเจ้าแล้วเอาไปประกาศแก่ประชาชน ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของชนชาติอิสราเอล จะเห็นได้ว่า พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระดำรัสผ่านเด็กชายซามูเอล (1 ซมอ.3:1) อาโมสได้ยืนยันชัดเจนว่า พระเจ้าทรงเรียกท่านขณะที่เป็นชาวไร่ชาวสวน ให้ทำหน้าที่เผยพระวจนะโดยตรง และทรงเรียกอีกหลายคน (อมส. 2:11) เยเรมีย์ยืนยันถึงการทรงเรียกแม้ว่าท่านจะไม่เต็มใจ (ยรม.1:1-10, 7:15) [เราต้องเข้าใจว่า ผู้ทำนายของพระเจ้านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการทำนายโชคชะตาราศี หมอดู เวทมนตร์คาถา และพวกไสยศาสตร์ พระคัมภีร์บอกอย่างชัดเจนว่าใครที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ จะต้องถูกอเปหิออกไปและมีโทษถึงตาย ฉธบ. 18:9-14 ]

1.ชื่อของผู้เผยพระวจนะ
1) ในภาษาฮีบรูคือ nabi "นาบี" หมายถึงผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้ ตามข้อพระคัมภีร์อพยพ 7:1-2 "พระเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า ดูเถิด เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นดังพระเจ้าต่อหน้าฟาโรห์...จงบอกแก่ฟาโรห์ให้ปล่อยชนชาติอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา" ผู้เผยพระวจนะจะพูดพระคำในพระนามของพระเจ้า ดังที่พระองค์ทรงเรียกเยเรมีย์ "เราบัญชาเจ้าอย่างไร เจ้าจะต้องพูดอย่างนั้น" (ยรม. 1:7) คือไม่พูดมากไปหรือน้อยไป ไม่เพิ่มเติมหรือตัดต่อพระวจนะของพระเจ้า ผู้เผยพระวจนะเป็นกระบอกเสียงของพระเจ้า ยรม. 15:19, อสย.1:20, 1 พกษ. 8:15 คนเหล่านี้เป็นเป็นปากเป็นเสียงแทนพระเจ้า
2) ผู้ทำนาย seer ผู้ทำนายมาจากภาษาฮีบรู ro'eh หรือ hozeh ในพระคัมภีร์เดิมเป็นคำที่ใช้สำหรับเรียกผู้เผยพระวจนะหรือผู้พยากรณ์ (1 ซมอ. 9:9-11) มีความแตกต่างกันคือ นาบีเน้นหน้าที่การปฏิบัติงานอย่างจริงจัง แต่ผู้ทำนายเป็นผู้บอกข่าวสารที่มาจากพระเจ้า
3) คนแห่งพระเจ้า อีกชื่อหนึ่งคือคนแห่งพระเจ้า ซึ่งเน้นถึงการทรงเรียกที่บริสุทธิ์ เป็นคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรมที่สูงส่ง ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้ แต่พระเจ้าทรงมอบให้แก่ใครบางคน ที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสมเท่านั้น (2 พกษ. 1:9, 11, 1 ซมอ. 9:10)
4) ผู้รับใช้ของพระเจ้า ในพระคัมภีร์เดิมเราจะพบว่า มีการกล่าวถึงผู้เผยพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสเรียกเขาเหล่านั้นว่า "ผู้รับใช้ของเรา" (ดนล. 9:6, อสค.38:17, 2 พกษ. 9:7,17:13) เป็นการเน้นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับคนที่ซื่อสัตย์ของพระองค์
2.ช่วงเวลาแห่งการเผยพระวจนะ
1) ช่วงอาณาจักรแบ่งแยก กคศ. 845-735 คือโอบาดีห์ โยนาห์ อาโมส โฮเชอา อิสยาห์ และมีคาห์
2) ช่วงอาณาจักรเดียว กคศ. 650-609 คือนาฮูม เศฟันยาห์ เยเรมีย์ และฮาบากุก
3) ช่วงสุดท้ายของอาณาจักรยูดาห์ กคศ 697-586 คือนาฮูม เศฟันยาห์ เยเรมีย์และ ดาเนียล
4) ช่วงก่อนตกเป็นเชลย กคศ. 605-593 คือดาเนียล และเอเสเคียล
5) ช่วงภายหลังตกเป็นเชลย กคศ. 520-430 คือฮักกัย เศคาริยาห์ และมาลาคี
3.หน้าที่ของผู้เผยพระวจนะ ในพระคัมภีร์เดิมเราพบคนอยู่สองพวกคือ
1) ปุโรหิต มีหน้าที่ในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในพลับพลาหรือพระวิหาร ถวายเครื่ิองบูชาแทนประชาชนอิสราเอล
2) ผู้เผยพระวจนะ มีหน้าที่ในการเทศนา ตักเตือนสั่งสอน กล่าวคำพยากรณ์ และเฝ้าระวังความประพฤติของชนชาวยิว อย่างแรก ผู้เผยพระวจนะจะสอนบทบัญญัติของพระเจ้าที่มีอยู่แล้ว อย่างที่สอง กล่าวทำนายถึงสิ่งที่พระเจ้าจะทรงให้เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในแง่ลบและแง่บวก เช่น เรื่องการพิพากษา ความรอด พระเมสสิยาห์ และอาณาจักรของพระเจ้าที่จะมาถึงในภายภาคหน้า อย่างที่สาม ผู้เผยพระวจนะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์อิสราเอล ให้ดำเนินชีวิตอยู่ในแนวทางของพระเจ้า อีกทั้งยังคอยชี้นำและตักเตือนชาวยิวที่ดื้อดึงและกบฎให้กลับใจเสียใหม่ พร้อมกับบอกบทลงโทษที่จะตามมาด้วย ตัวอย่างผู้เผยพระวจนะที่ช่วยเหลือกษัตริย์ คือ เอลียาห์ที่มีอิทธิพลต่อกษัตริย์อาหับ อิสยาห์ที่มีต่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ ฮักกัยต่อเศรุบบาเบล เยเรมีย์ต่อกษัตริย์เศเดคียาห์
4.หนังสือหมวดผู้เผยพระวจนะ หนังสือหมวดผู้เผยพระวจนะมีทั้งหมด 17 เล่ม แบ่งเป็น 2 หมวด
1) ผู้เผยพระวจนะใหญ่ 5 เล่ม คืออิสยาห์ เยเรมีย์ เพลงคร่ำครวญ เอเสเคียลและดาเนียล
2) ผู้เผยพระวจนะเล็ก 12 เล่ม คือโฮเชอา โยเอล อาโมส โอบาดีห์ โยนาห์ มีคาห์ นาฮูม ฮาบากุก เศฟันยาห์ ฮักกัย เศคาริยาห์ และมาลาคี หมายเหตุ ที่เรียกว่าผู้เผยพระวจนะใหญ่หรือเล็กไม่เกี่ยวกับชื่อเสียง เกียรติและขนาดของตำแหน่งหรือตัวคน แต่เกี่ยวกับขนาดความยาวของการเขียนพระคัมภีร์
5.ความสำคัญของการศึกษา เดนิส เจ มอค ผู้เขียนหนังสือ "สำรวจพระคัมภีร์เดิม" ในหลักสูตรของ BTCP/L ได้กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาพระคัมภีร์หมวดผู้เผยพระวจนะไว้ดังนี้
1) หมวดผู้เผยพระวจนะมีเนื้อหา 20-25 % ของพระคัมภีร์ทั้งหมด
2) สำแดงถึงพระเจ้าทรงซื่อสัตย์และทรงฤทธานุภาพ
3) คำเผยพระวจนะได้หนุนใจคนของพระเจ้าให้มีความหวัง
4) มีแรงจูงใจคริสเตียนทุกคนให้ดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม
5) บอกถึงผลของการเชื่อฟังคือรับพระพรและสันติสุข หากดื้อดึง กบฎนำไปสู่การลงโทษและการแช่งสาป
6) ในหนังสือผู้เผยพระวจนะนั้น เราได้เห็นถึงแผนการอันนิรันดรของพระเจ้า
6.ผู้เผยพระวจนะแท้หรือเทียม พระธรรม ฉธบ. 18:14-22 ได้บอกไว้อย่างชัดเจน
1) ผู้เผยพระวจนะแท้ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า
2) รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า (ยรม. 1:9-10)
3) คำที่กล่าวออกมาต้องเป็นความจริง 100 %
4) คำเผยพระวจนะได้รับการยืนยันจากพระเจ้า หลายครั้งมีการอัศจรรย์
5) เป็นการพูดด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (อสย.61:1)
6) ตัวของผู้เผยพระวจนะเอง ต้องดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ กล่าวคือเป็นคนที่รักยกย่องเทิดทูนพระเจ้า เป็นคนที่ซื่อสัตย์ และไม่ข้องแวะกับความผิดบาป
7.ข่าวสารจากผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าทรงให้ผู้เผยพระวจนะส่งข่าวสารถึงประชากรของพระองค์
1) เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา
2) มีการเปรียบเทียบเพื่อการชัดเจนขึ้น เป็นภาพจากสัตว์หรือธรรมชาติ (อสย. 1:2-4)
3) มีอุทาหรณ์หรือตัวอย่างจากของจริง ชีวิตคู่ของโฮเชอาที่ภรรยาหนีตามชู้ (ฮชอ.1) ผ้าป่านคาดเอว, มะเดื่อดีและเลว, ช่างปั้นหม้อ เหยือกดินแตก อุจจาระปิ้ง (ยรม.13, 18, 19, อสค. 4:12-15)
8.คำเผยพระวจนะสำเร็จ ปัจจุบันนี้ยังมีผู้เผยพระวจนะอยู่อีกไหม? คำตอบอยู่ในพระธรรมฮีบรู 1:1-4
1) ในยุคก่อนคริสตศักราช "นานมาแล้ว พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราหลายครั้งและหลายวิธี ผ่านทางผู้เผยพระวจนะ"
2) เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาแล้ว "แต่ในวาระสุดท้ายนี้ พระเจ้าตรัสกับเราทางพระบุตร ผู้ที่พระองค์ทรงตั้งให้เป็นทายาทรับสิ่งทั้งปวง พระเจ้าทรงสร้างจักรวาลทางพระบุตร พระบุตรทรงเป็นแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกันกับพระเจ้า ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธิ์ อันฤทธานุภาพของพระองค์ เมื่อทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ทรงประทับเบื้องขวาของพระเจ้าผู้สูงสุด พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าทูตสวรรค์มากนัก"
9.เนื้อหาของผู้เผยพระวจนะ
1) อิสยาห์ - พระสิริของพระเจ้าและพระเมสสิยาห์
2) เยเรมีย์ - คำตักเตือนแก่ประชากร(ของพระเจ้า)ที่หลงผิด
3) เพลงคร่ำครวญ - การล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็ม
4) เอเสเคียล - การสำแดงของพระเจ้า และพระสิริทรงกลับคืนสู่อิสราเอล
5) ดาเนียล - พระเจ้าทรงครอบครองเหนืออาณาจักรแห่งโลกนี้
6) โฮเชอา - อิสราเอลผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า
7) โยเอล - นิมิตแห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
8) อาโมส - คำพยากรณ์ถึงอิสราเอลในยุคที่รุ่งเรือง
9) โอบาดีห์ - พระเจ้าจะทรงจัดการกับเอโดมที่เย่อหยิ่งจองหอง
10) โยนาห์ - ข่าวประเสริฐแก่คนต่างชาติ
11) มีคาห์ - คำสอนชีวิตที่ชอบธรรมแก่ยูดาห์
12) นาฮูม - พระเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์
13) ฮาบากุก - คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ
14) เศฟันยาห์ - วันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า
15) ฮักกัย - คำหนุนใจให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่
16) เศคาริยาห์ - ในอนาคตอิสราเอลจะได้รับการฟื้นฟู
17) มาลาคี - พระเจ้าทรงส่งทูตมาจัดเตรียมทางของพระเมสสิยาห์[หมายเหตุ แนะนำให้นักศึกษาอ่านเพิ่มเติมจากหนังสือ "สำรวจพระคัมภีร์เดิม" ของพอล เบนแวร์]